วิธีเริ่มกินอาหารบาร์ฟ
(B.A.R.F.)
By BONE AND RAW
เริ่มต้นให้กินอาหารบาร์ฟอย่างไร?
อาหารเม็ดและอาหารบาร์ฟนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งด้านโภชนาการ, ลักษณะอาหาร, ส่วนผสม, รวมไปถึงการย่อยอาหาร สุนัขต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนสักพักหนึ่ง โดยเราแนะนำให้เริ่มกิน “สูตรไก่แบบเริ่มกินบาร์ฟ” หรือ “Chicken Starter Formula” ซึ่งเป็นสูตรที่มีส่วนผสมที่ย่อยง่ายและบดละเอียดพิเศษ เหมาะกับการปรับสภาพในช่วงเริ่มต้นเป็นเวลา 7 วัน (การกินอาหารบาร์ฟก็ต้องใช้เวลาปรับตัวเช่นกัน เพราะเนื้อแต่ละชนิดหรืออาหารแต่ละอย่างก็มีการย่อยที่แตกต่าง จึงควรค่อยๆให้สารอาหารใหม่ๆแก่สุนัขเราและไม่ควรรีบเร่งที่จะให้กินสูตรอื่นๆเร็วเกินไป) จากนั้นให้กินสูตรไก่ซึ่งมีโปรตีนที่เหมือนกันต่อ สูตรนี้จะมีสัดส่วนและส่วนผสมที่ต่างกับสูตรเริ่มต้น โดยมี ผัก ผลไม้ เครื่องใน และ อาหารเสริม เพิ่มเข้ามา เมื่อสุนัขเริ่มชินกับอาหารบาร์ฟแล้วควรให้กินอาหารให้หลากหลาย เช่น ไก่ เป็น ปลา เนื้อ สลับกันไปเพื่อให้เกินความหลากหลายของสารอาหาร และถือเป็นปัจจัยสำคัญของการให้อาหารบาร์ฟเลยทีเดียว***
อาหารของเรามีใส่อาหารเสริม เช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ แฟล็กซีด และ แอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้า อยู่ในอาหารอยู่แล้ว ซึ่งมีประโยชน์และช่วยบำรุงอย่างมาก แต่ถ้าท่านใดต้องการเสริมอย่างอื่นด้วยก็ได้เช่นกัน :D
ปริมาณการกิน
อาหาร
ปริมาณการกินขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัว สามารถคำนวนโดยใช้เครื่องคิดเลขด้านล่างได้เลย
ซุปตุ๋น
ไม่จำกัดปริมาณ สามารถท๊อปบนอาหาร ทั้งอาหารบาร์ฟ อาหารเม็ด หรือ อาหารชนิดอื่นๆ เพื่อเพิ่มความอยากอยาหารและช่วยบำรุง หรือจะให้กินเปล่าก็ยังได้
คีเฟอร์นมแพะ
สุนัขพันธุ์เล็ก (หรือแมว) 1 ช้อนโต๊ะต่อวัน
สุนัขพันธุ์กลาง 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน
สุนัขพันธุ์ใหญ่ 3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
ไอศกรีม
ขึ้นอยู่กับขนาดของสุนัขหรือแมวแต่ละตัว
สำหรับลูกสุนัข***
เนื่องจากลูกสุนัขเจริญเติมโตเร็วมากๆในช่วงแรก เราจึงควรชั่งน้ำหนักเป็นอย่างน้อยทุกเดือนและปรับปริมาณอาหาร เพื่อให้เพียงพอกับการเจริญเติมโตที่สมบุรณ์
ทำไมถึงกินไม่เท่ากัน?
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมบางตัวกิน 2% บางตัวกิน 4 - 5% เช่นเดียวกับคน สุนัขและแมวแต่ละตัวต้องการปริมาณอาหารที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับอายุ, สายพันธุ์, ปริมาณการออกกำลังกาย, การเผาผลาญ ฯลฯ โดยปกติแล้วสุนัขเมื่อโตเต็มที่แล้วควรกินอาหารเท่ากับ 2 % - 3 % ของน้ำหนักตัวต่อวัน เราแนะนำให้เริ่มที่ 2.5 % แล้วปรับเปลี่ยนถ้าสุนัขอ้วนหรือผอมเกินไป
วิธีการให้อาหาร
-
คำนวนปริมาณการให้กินต่อมื้อที่เราจะให้
-
แบ่งอาหารตามปริมาณที่เราต้องการ เราแนะนำให้แบ่งทีเดียวให้ครบถุงเพื่อที่จะไม่ต้องละลายอาหารหลายๆรอบ วิธีนี้จะคงความสดของอาหารมากที่สุด
-
ละลาย และ ให้ทานได้เลย :)
วิธีการละลายอาหาร
-
นำอาหารแยกออกมาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา 5-6 ชม. หรือ ข้ามคืน ก่อนให้ทานอาหารจะนิ่มพอดี
-
ใส่ถุงที่มิดชิดและนำไปแช่น้ำ วิธีนี้จะเร็วกว่ามาก แต่ข้อควรระวังคือน้ำไม่ควรที่จะร้อนเพื่อที่จำไม่ทำให้อาหารสุก
อาหารของเราเก็บได้นานแค่ไหน?
อาหาร
เก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 6 เดือน และ 3 วันในตู้เย็นช่องธรรมดา
ซุปตุ๋น
เก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 6 เดือน และ 4 วันในตู้เย็นช่องธรรมดา
กระดูก
เก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 6 เดือน และ ดีที่สุดถ้าสามารถกินหมดในครั้งเดียว
คีเฟอร์
เก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 3 เดือน
ไอศกรีม
เก็บในช่องแช่แข็งได้นาน 3 เดือน
NOTE: เราแนะนำให้เก็บอาหารของเราไว้ในช่องแข็งตลอดเวลาเพื่อความสดใหม่ จนกว่าต้องการใช้จึงนำออกมาละลาย การดูแลอาหารของเราควรปฏิบัติเหมือนกับการดูแลรักษาอาหารสดที่คนบริโภค ควรเก็บให้มิดชิดและไม่ควรนำมาละลายบ่อยครั้ง
อาการแรกเริ่มหลังจากเปลี่ยนอาหาร?
อาหารเม็ดและอาหารบาร์ฟนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งด้านโภชนาการ, ลักษณะอาหาร, รวมไปถึงการย่อยอาหาร สุนัขต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนสักพักหนึ่ง โดยเฉพาะสุนัขที่กินอาหารเม็ดมาเป็นเวลานาน ในระยะแรกอาจจะมีอาการถ่ายนิ่ม, ถ่ายเหลว, อาเจียน หรือ อาจจะไม่มีอาการอะไรเลย อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ หรือช่วยลดอาการเหล่านี้ได้โดยการกินสูตรเริ่มต้นกินบาร์ฟ ของ BONE AND RAW
ให้สุนัขทานอาหารบาร์ฟและอาหารเม็ดพร้อมกันได้รึเปล่า?
อาหารทั้งสองแบบนั้นมีการย่อยที่แตกต่างกันจึงไม่ควรนำมาผสมในมื้อเดียวกัน เนื่องจากอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน การทานรวมกันนั้นอาจทำให้อาหารเข้าไปอยู่ในกระเพาะนานเกินไปและถ้าเกิดขึ้นบ่อยๆจะส่งผลเสียให้กับสุนัข ในกรณีที่จะให้ทานอาหารเม็ดควรที่จะแยกเป็นมื้อถัดไป หรือ เป็นวันถัดไปเลยดีกว่า
ลูกสุนัขสามารถกินบาร์ฟได้หรือไม่?
ลูกสุนัขสามารถทานบาร์ฟได้ตั้งแต่อย่านม แต่ควรมีภาชนะส่วนตัวของแต่ละตัวเอาไว้ เนื่องจากลูกสุนัขบางตัวอาจจะแย่งอาหารจากตัวอื่นทำให้สุนัขนั้นได้รับอาหารที่มากเกินไป หรือ น้อยเกินไป