top of page
คำถามที่พบบ่อย

1.5 %

2.0 - 3.0 %

3.5 %

8.0 - 10.0 %

6.0 - 8.0 %

4.0 - 8.0 %

คำถามที่พบบ่อย

อาหารบาร์ฟคืออะไร?

ชิวาวา, ปอมเมอเรเนียน, โกวเด้นรีทรีฟเวอร์, บูลด๊อก, เกรฮาวด์ และสุนัขทุกสายพันธุ์ที่เรารู้จักนั้น ถึงแม้ว่าจะดูแตกต่างกันอย่างมาก ทั้งหน้าตา, โครงสร้าง, และ นิสัย แต่พวกมันล้วนมีบรรพบุรุษเดียวกันนั่นก็คือ หมาป่า ดีเอ็นเอของสุนัขทุกพันธุ์ยังแทบไม่ต่างกันเลยอีกด้วย เช่นเดียวกับระบบย่อยและสารอาหารที่จำเป็นสำหรับมัน แล้วอาหารที่จำเป็นสำหรับพวกมันคืออะไร?

สุนัขหรือหมาป่าที่อยู่ตามธรรมชาตินั้นดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์ และกินผักผลไม้ที่หาได้เป็นอาหาร การกินเหยื่อยที่ล่าได้นั้นรวมไปถึง เนื้อ, กระดูก, เครื่องใน, และอะไรก็ตามที่อยู่ในท้องของเหยื่อ และที่สำคัญไปกว่านั้นคืออาหารทั้งหมดที่สุนัขกินนั้นเป็นอาหารดิบทั้งสิ้น อาหารบาร์ฟ (B.A.R.F. = Biologically Appropriate Raw Food) นั้นคือการให้อาหารที่เหมาะสมกับสายพันธุ์ของสัตว์หรือแนวทางการให้สุนัขกินในแบบที่มันกินตามธรรมชาตินั่นเอง

ทำไมสุนัขควรกินอาหารดิบ?

อาหารสุนัขตามธรรมชาตินั้นล้วนเป็นอาหารดิบทั้งสิ้น อาหารดิบไม่มีอันตรายต่อสุนัขและยังมีประโยชน์ทางโภชนาการมากมายตัวอย่างเช่น สารอาหารทั้งหลาย, แบคทีเรียที่ดี, เอนไซม์, สารต้านอนุมูลอิสระ, ฯลฯ โดยที่สารอาหารเหล่านี้ไม่ได้ถูกทำลายหรือแปลสภาพโดยความร้อน จึงมีคุณค่าเต็มร้อย และ ระบบย่อยยังสามารถดูดซึมได้เต็มที่อีกด้วย 

BONE AND RAW

BONE AND RAW เชื่อว่าการให้สุนัขและแมวกินอาหารที่เหมาะกับสายพันธุ์สัตว์นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้มีสุขภาพที่ดี แข็งแรง และ มีอายุที่ยืนยาว โดยประโยชน์ที่เห็นได้ชัดมีอยู่มากมายแต่การทำอาหารบาร์ฟนั้นใช้เวลามาก ตั้งแต่การเตรียมวัตถุดิบที่สะอาด, การเตรียมอาหาร แถมยังต้องศึกษาอีกมากมายเพื่อที่จะเตรียมอาหารที่สมดุลและมีโภชนาการที่เพียงพอ BONE AND RAW จึงได้นำเสนออาหารบาร์ฟที่สด สะอาด และ สะดวกต่อการบริโภคโดยที่อาหารของเราทั้งหมดทำมาจากวัตถุดิบเกรดเดียวกับที่คนกินทั้งสิ้น

ประโยชน์ที่ได้รับ​​

  • ฟัน และ เหงือกแข็งแรง

  • ช่วยพัฒนาและรักษาให้กล้ามเนื้อแข็งแรง

  • ควบคุมน้ำหนักได้ง่าย

  • ช่วยให้กระดูก และ ข้อต่อต่างๆ แข็งแรง รวมไปถึงลดอาการของโรคไขข้อ

  • ขนสวย เงางาม, กลิ่นตัวลดลง และ ช่วยลดอาการแพ้ทางผิวหนัง

  • ระบบย่อยที่ดีขึ้น, อุจจาระไม่นิ่มเหลว มีขนาดเล็กลงมาก และไม่มีกลิ่นเหม็น

  • มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงขึ้น

  • ช่วยป้องกันโรคภัยต่างๆ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคมะเร็ง ฯลฯ

  • สุขภาพดีขึ้น และ ทำให้มีอายุที่ยืนยาว

จะเริ่มต้นให้กินอาหารบาร์ฟอย่างไร?

อาหารเม็ดและอาหารบาร์ฟนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งด้านโภชนาการ, ลักษณะอาหาร, ส่วนผสม, รวมไปถึงการย่อยอาหาร สุนัขต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนสักพักหนึ่ง โดยเราแนะนำให้เริ่มกิน “สูตรไก่แบบเริ่มกินบาร์ฟ” หรือ “Chicken Starter Formula” ซึ่งเป็นสูตรที่มีส่วนผสมที่ย่อยง่ายและบดละเอียดพิเศษ เหมาะกับการปรับสภาพในช่วงเริ่มต้นเป็นเวลา 7 วัน (การกินอาหารบาร์ฟก็ต้องใช้เวลาปรับตัวเช่นกัน เพราะเนื้อแต่ละชนิดหรืออาหารแต่ละอย่างก็มีการย่อยที่แตกต่าง จึงควรค่อยๆให้สารอาหารใหม่ๆแก่สุนัขเราและไม่ควรรีบเร่งที่จะให้กินสูตรอื่นๆเร็วเกินไป) จากนั้นให้กินสูตรไก่ซึ่งมีโปรตีนที่เหมือนกันต่อ สูตรนี้จะมีสัดส่วนและส่วนผสมที่ต่างกับสูตรเริ่มต้น โดยมี ผัก ผลไม้ เครื่องใน และ อาหารเสริม เพิ่มเข้ามา เมื่อสุนัขเริ่มชินกับอาหารบาร์ฟแล้วควรให้กินอาหารให้หลากหลาย เช่น ไก่ เป็น ปลา เนื้อ สลับกันไปเพื่อให้เกินความหลากหลายของสารอาหาร และถือเป็นปัจจัยสำคัญของการให้อาหารบาร์ฟเลยทีเดียว***

อาหารของเรามีใส่อาหารเสริม เช่น น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น น้ำมันมะกอกบริสุทธิ แฟล็กซีด และ แอปเปิ้ลไซเดอร์วินิก้า อยู่ในอาหารอยู่แล้ว ซึ่งมีประโยชน์และช่วยบำรุงอย่างมาก แต่ถ้าท่านใดต้องการเสริมอย่างอื่นด้วยก็ได้เช่นกัน :D

 

ปริมาณอาหารที่ควรให้คือเท่าใด?

โดยปกติแล้วสุนัขเมื่อโตเต็มที่แล้วควรกินอาหารเท่ากับ 2 % - 3 % ของน้ำหนักตัวต่อวัน ขึ้นอยู่กับอายุ, สายพันธุ์, ปริมาณการออกกำลังกาย, ฯลฯ เราแนะนำให้เริ่มที่ 2.5 % และปรับเปลี่ยนถ้าสุนัขอ้วนหรือผอมเกินไป ปริมาณอาหารนี้เป็นปริมาณที่ให้ต่อวัน ถ้าปกติให้ทาน 2 มื้อต่อวัน นำปริมาณอาหารที่ให้ต่อวันแบ่งเป็นสองมื้อ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

BONE AND RAW, บาร์ฟ, barf, b.a.r.f., thailand, อาหารสด, อาหารดิบ, อาหารหมา, อาหารสุนัข, ปริมาณการให้กินอาหาร
BONE AND RAW, บาร์ฟ, barf, b.a.r.f., thailand, อาหารสด, อาหารดิบ, อาหารหมา, อาหารสุนัข, ปริมาณการให้กินอาหาร

วิธีการให้อาหารของ BONE AND RAW

BONE AND RAW ได้ออกแบบอาหารของเราให้ความสะดวกในการบริโภค โดยแต่ละก้อนมีขนาด 125 กรัม สามารถละลายและแบ่งได้ง่าย รวดเร็ว การให้อาหารนั้นไม่จำเป็นต้องละลายจนเหลว สัตว์เลี้ยงบางตัวก็ชอบที่จะเคี้ยวจึงสามารถให้ทั้งแบบกึ่งแข็งกึ่งละลายได้

การละลายอาหารมีสองวิธีคือ

  1. นำอาหารออกมาไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดา 5-6 ชม. หรือ ข้ามคืน อาหารจะละลายพอดีก่อนให้ทาน

  2. ใส่ถุงที่มิดชิดและนำไปแช่น้ำ วิธีนี้จะเร็วกว่ามาก แต่ข้อควรระวังคือน้ำไม่ควรที่จะร้อนเพื่อที่จำไม่ทำให้       อาหารสุก

สำหรับอาหารขนาด 500 กรัมนั้น เราแนะนำให้นำออกมาละลายและแบ่งเป็นมื้อๆให้หมดทั้งถุง และนำส่วนที่ยังไม่ได้ให้กินกลับไปแช่ช่องฟรีส เพื่อคงความสดไว้ที่สุด :D

อาหารของเราเก็บได้นานแค่ไหน?

อาหารของเราเก็บได้นาน 6 เดือนในช่องแช่แข็ง และ 3 วันในตู้เย็นช่องธรรมดา เราแนะนำให้เก็บไว้ในช่องแข็งตลอดเวลาเพื่อความสดใหม่ จนกว่าต้องการใช้จึงนำออกมาละลาย การดูแลอาหารของเราควรปฏิบัติเหมือนกับการดูแลรักษาอาหารสดที่คนบริโภค ควรเก็บให้มิดชิดและไม่ควรนำมาละลายบ่อยครั้ง

อาการแรกเริ่มหลังจากเปลี่ยนอาหาร?

อาหารเม็ดและอาหารบาร์ฟนั้นแตกต่างกันมาก ทั้งด้านโภชนาการ, ลักษณะอาหาร, รวมไปถึงการย่อยอาหาร สุนัขและแมวต้องใช้เวลาปรับเปลี่ยนสักพักหนึ่ง โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงที่กินอาหารเม็ดมาเป็นเวลานาน ในระยะแรกอาจจะมีอาการอาเจียน, ถ่ายเหลว, หรือ บางตัวอาจจะไม่มีอาการอะไรเลย อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายในหนึ่งถึงสองสัปดาห์ หลังจากนั้นจะเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่ดีจาการทานอาหารของเรา

ให้ทานอาหารบาร์ฟและอาหารเม็ดพร้อมกันได้รึเปล่า?

อาหารทั้งสองแบบนั้นมีการย่อยที่แตกต่างกันจึงไม่ควรนำมาผสมในมื้อเดียวกัน เนื่องจากอาหารแต่ละอย่างใช้เวลาในการย่อยแตกต่างกัน การทานรวมกันนั้นอาจทำให้อาหารเข้าไปอยู่ในกระเพาะนานเกินไปและอาจส่งผลเสียต่อระบบย่อย ถ้าจะให้ทานอาหารเม็ดควรที่จะแยกเป็นมื้อถัดไป หรือ วันถัดไปเลยดีกว่า

ลูกสุนัขหรือแมวสามารถกินบาร์ฟได้หรือไม่?

ลูกสุนัขหรือแมวสามารถทานบาร์ฟได้ตั้งแต่อย่านม แต่ควรมีภาชนะส่วนตัวของแต่ละตัวเอาไว้ เนื่องจากบางตัวอาจจะแย่งอาหารจากตัวอื่นทำให้ได้รับอาหารที่มากเกินไป หรือ น้อยเกินไป

กินกระดูกได้หรือ?

เป็นคำถามยอดฮิตของคนที่เริ่มให้กินบาร์ฟ กระดูกสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัยและเป็นส่วนที่สำคัญมากของอาหารตามธรรมชาติ เพราะกระดูกเป็นแหล่งแคลเซี่ยมตามธรรมชาติที่สำคัญ, กระดูกยังช่วยทำให้ฟันสะอาดอีกด้วย แต่! กระดูกสามารถทานได้ตอนดิบเท่านั้น กระดูกดิบจะนิ่มและย่อยได้ดี ในทางกลับกันถ้ากระดูกผ่านความร้อนจะทำให้กระดูกแข็งตัว ไม่สามารถย่อยได้ และเศษกระดูกอาจจะสร้างบาดแผลในท้องได้อีกด้วย สรุปได้ว่ากระดูกสามารถให้กินได้ตอนที่ยังดิบเท่านั้น

การให้อาหารดิบจะทำให้มีปรสิตหรือพยาธิหรือไม่?

ก่อนอื่นต้องบอกย้ำอีกทีว่าสุนัขและแมวกินอาหารดิบตามธรรมขาติอยู่แล้วมาเป็นเวลานาน ก่อนที่เราจะผลิตอาหารเม็ด หรือ ก่อนที่มีคนนำมาเลี้ยงสะด้วยซ้ำ ร่างกายของสุนัขและแมวแตกต่างจากคน สามารถจัดการกับสิ่งเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี จึงไม่มีปัญหาในการกินอาหารดิบ BONE AND RAW ยังได้ทำตามหลักการจำกัดปรสิตตามคำแนะนำของ องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา (FDA) โดยการแช่แข็งและจัดเก็บอาหารสดในอุณหภูมิที่เหมาะสม และ นานพอที่จะกำจัดปรสิตก่อนจะนำสินค้าออกขาย ที่สำคัญไปกว่านั้นคือวัตถุดิบทั้งหมดเป็นเกรดเดียวกับที่คนเรากิน โอกาสในการมีสิ่งเจือปนในอาหารจึงน้อย

ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าสัตว์เลี้ยงของเราจะกินบาร์ฟหรือกินอาหารเม็ด การถ่ายพยาธิเป็นประจำเป็นสิ่งที่จำเป็น ตามที่หมอแนะนำ เนื่องจากที่มาของพยาธินั้นไม่ได้มาจากแหล่งอาหารเพียงอย่างเดียว อาจมาจากสภาพแวดล้อม พื้นถนน สนามหญ้า หาดทราย ฯลฯ

 

ทำไมถึงดื่มน้ำน้อยลง?

เพราะอาหารบาร์ฟนั้นไม่ได้ผ่านการแปลรูปใดๆ จึงอุดมไปด้วยความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ จึงไม่ต้องดื่มน้ำเยอะ ต่างจากอาหารเม็ดที่ผ่านการผลิตมากมายแล้วทำให้เป็นเม็ดแห้ง เมื่อสุนัขปริโภคแล้วจึงต้องการดื่มน้ำเพิ่มเติมปริมาณมาก

ทำไมถึงถ่ายน้อยลง?

เพราะการบริโภคอาหารบาร์ฟนั้นร่างกายของสัตว์เลี้ยงจะสามารถย่อย, ดูดซึม, และนำสารอาหารไปใช้ได้ดีกว่า

การกินอาหารบาร์ฟนั้นจะทำให้สัตว์เลี้ยงดุขึ้นหรือไม่?

การกินอาหารบาร์ฟไม่มีผลทำให้ดุขึ้น การที่สัตว์มีนิสัยที่ดุนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และการเลี้ยงดู

ทำอย่างไรถ้าสุนัขหรือแมวไม่ยอมกินอาหารบาร์ฟ?

สุนัขที่มีอายุมากหรือบริโภคอาหารเม็ดหรืออาหารคนมาเป็นเวลานานอาจจะไม่ยอมกินอาหารบาร์ฟในช่วงแรก เนื่องจากไม่คุ้นเคยกับอาหารแบบใหม่ มีคำแนะนำจากหลายๆคนที่มีประสบการณ์คือ

  1. ลองท๊อปอาหารด้วยซุปตุ๋นของเรา จะช่วยให้มีกลิ่นที่เย้ายวน ทำให้น่ารับประทานมากขึ้น

  2. เสริฟอาหารบาร์ฟแบบกึ่งละลายกึ่งแข็ง เพราะสุนัขบางตัวชอบเคี้ยวมากกว่ากินแบบละลายหมด

  3. เสริฟอาหารแบบละลายหมด

  4. ลองให้กินรสชาติอื่นดู

  5. ให้อาหารให้เป็นเวลา ถ้าสุนัขไม่กินให้เก็บขึ้นภายใน 15 นาที สุนัขหิวเค้าจะกินเอง และ จะปรับนิสัยให้กิน    เป็นเวลาอีกด้วย

Note:  (วิธีสุดท้ายนี้ไม่เหมาะสำหรับแมว เนื่องจากแมวไม่สามารถอดอาหารได้เหมือนกับสุนัข จึงต้องอาศัยความพายายามในการปรับเปลี่ยนอาหารให้เค้า)

 

ข้อควรปฏิบัติ

  • ความสะอาดเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดทั้งสำหรับเจ้าของและสุนัข ควรทำความสะอาดทุกครั้งทั้งบริเวณที่เตรียมอาหาร, ภาชนะใส่อาหาร, และควรล้างมือทุกครั้ง

  • ไม่ว่าจะให้อาหารเม็ดหรืออาหารของเรา, เราขอแนะนำให้ใช้ชามสเตนเลส เนื่องจากวัสดุอื่นสามารถเป็นที่หมักหมดของแบคทีเรียหรือเชื้อโรคอื่นได้ง่าย

  • เก็บอาหารไว้ให้พ้นมือเด็ก

  • อาหารของเราควรเก็บให้มิดชิด และควรเก็บในแบบที่เราเก็บอาหารสดที่คนทาน

Puppy Drinking

สั่งซื้อเลย!

คลิ๊ก

bottom of page